ในฐานะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ความรักและความเป็นห่วงลูกน้อยของคุณต้องมีเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แต่ก็มีที่บ้างสิ่งภายในบ้านที่เราอาจจะมองข้ามหรือลืมนึกถึงไปว่าคุณภาพอากาศภายในบ้านก็มีมลพิษไม่น้อยไปกว่าภายนอกของบ้าน และนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในปัญหาสุขภาพของทุกคนในครอบครัวโดยเฉพาะเด็กเล็กทารกที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อมลพิษทางอากาศภายในบ้านเนื่องจากภูมิคุ้มกันยังอ่อนแอ โดยเฉพาะเด็กต่ำกว่า 24 เดือนจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้อง การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น แสบตา แสบจมูก แสบคอ มีอาการปวดหัว เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ดังนั้นจำเป็นต้องมี เครื่องมือวัดคุณภาพอากาศ สำหรับห้องนอนลูกน้อยของคุณเพื่อทราบรายละเอียดของคุณภาพอากาศและจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
5 วิธีสร้างคุณภาพอากาศที่ดีภายในห้องนอนลูกน้อย
1.ชุดเครื่องนอนที่ดีไม่ควรมองข้าม
การเลือกชุดเครื่องนอนไม่เพียงเพื่อให้ลูกน้อยของเราอบอุ่น แต่ยังเพื่อปกป้องพวกเขาจากมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ และเชื้อรา ไรฝุ่น ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณเลือกที่นอนโฟมยางพารา ใช้ผ้าที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ป้องกันไร้ฝุ่น การจำกัดไรฝุ่นในห้องเพื่อป้องกันลูกน้อยในการหายใจระหว่างการนอนหลับ เราควรระมัดระวังการเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดไร้กลิ่นไร้สารเคมีในการทำความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงการระคายเคืองกับผิวของเด็กทารก
2.ฟอกอากาศภายในห้อง
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดมลพิษทางอากาศภายในห้องก็คือ การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในห้องลูกน้อยของคุณ คุณสามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศได้ตามความต้องการและงบประมาณของคุณ อย่างไรก็ตามตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องฟอกอากาศมีตัวกรองที่ทำจากแผ่นกรอง HEPA เนื่องจากตัวกรองมีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณสามารถกำจัดอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99.97%
3.สีผนังห้องไม่ควรมองข้าม
คุณรู้หรือไม่ว่าสีทาผนังและสารเคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์อาจจะมีสารเคมีซ้อนอยู่ ส่วนใหญ่สารเคมีเหล่านี้มักจะเป็น สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (TVOC) หรือ สารฟอร์มาลดีไฮด์ (HCHO) ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาว TVOC ไม่เพียง แต่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ แต่ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เราควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีค่า TVOC หรือค่าต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการหายใจเอาสารเคมีเข้าไปในขณะที่ลูกของคุณหลับ นอกจากเรายังพบ TVOC ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำหอม ดังนั่นเราควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไร้สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (TVOC) เพื่อความปลอดภัยให้ลูกน้อยสุดที่รักของเรา โดยค่ามลพิษประเภทนี้ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เราจำเป็นต้องมีเครื่องวัดคุณภาพอากาศที่สามารถวัดค่า TVOC และ HCHO เข้ามาใช้งาน
4.ระวังขนจากสัตว์เลี้ยง
สัตว์เลี้ยงมักจะทิ้งเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและขนล่วงหล่นได้ สิ่งนี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของปอดและไซนัสอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของทารกได้ การทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงอยู่เป็นประจำจะสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้ และควรหมั่นทำความสะอาดชุดเครื่องนอนภายในห้องเด็กเป็นประจำ การป้องกันสัตว์เลี้ยงออกจากห้องของลูกน้อยอาจไม่เพียงพอ เพราะขนสามารถลอยอยู่ในอากาศมีโอกาสเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องได้ แต่ถ้าเรามีเครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์ HEPA จะสามารถลดปัญหาได้
5.ระวังความชื่นภายในห้อง
ความชื้นสัมพัทธ์ที่สูงเกินไปจะนำไปสู่การเจริญเติบโตของเชื้อรายีสต์และแบคทีเรียที่เป็นอันตราย โดยความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมกับมนุษย์ทั่วไป คือ 40 – 60% วิธีในการลดความชื้นง่าย ๆ ภายในห้อง อาจจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศหรือเปิดหน้าตาเพื่อระบายอากาศภายในห้องที่มีความชื้นสูงหรือมองหาเครื่องลดความชื้นภายในห้อง
สรุป
พวกเราส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ถึงความจริงที่ว่าอากาศภายในอาคารมีมลพิษมากกว่าอากาศภายนอก สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่ใช้ในน้ำยาทำความสะอาด เช่น ฝุ่นละออง เชื้อรา ขนสัตว์เลี้ยงและสารเคมีต่าง ๆ รอบตัวเรา สามารถทำให้เกิดมลพิษทางอากาศภายในที่พักอาศัยได้ สารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ มีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับทุกคนในครอบครัว แต่เนื่องจากทารกมีความอ่อนไหวมากกว่า เนื่องจากระบบภูมิคุ้มตานทานยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับลูกน้อยของเราเป็นอย่างมาก